ข้อกังวลที่ติดค้างในใจผู้ลงทุนตราสารหนี้คืออะไร?

ในตอนนี้คือช่วงเวลาที่ตลาดโลกกำลังเผชิญพายุโหมกระหน่ำ แม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นได้จากภาวะการระบาดใหญ่ แต่หลายคนยังคงรอคอยให้ฝุ่นจางลง ความกังวลต่อภาพใหญ่ในระดับมหภาคยังรบกวนจิตใจของผู้ลงทุนตราสารหนี้อยู่ในขณะนี้ อัตราเงินเฟ้อในส่วนของราคาผู้บริโภคได้ขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูง พุ่งแตะจุดสูงสุดในรอบทศวรรษสำหรับภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรป จนทำให้ธนาคารกลางบางแห่งตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

การเติบโตของ GDP ในยุคหลังการระบาดใหญ่เป็นประเด็นความกังวลที่สอง เมื่อการเติบโตทั่วโลกที่ไม่คงเส้นคงวาได้สร้างความไม่แน่นอนให้แก่ผู้ลงทุน ในขณะเดียวกัน บางคนก็กลัวกระแสความปั่นป่วนจากการปรับลดการอัดฉีดเงินว่าอาจจะเกิดขึ้นซ้ำอีก สถานการณ์นี้คือการที่ธนาคารกลางปรับลดระดับการซื้อสินทรัพย์ลงอย่างรวดเร็ว เหมือนอย่างที่เคยเห็นภาวะการตื่นตระหนกของตลาดมาแล้วในปี 2013

เหมือนกับนักปีนเขาที่มีผาหินอยู่เบื้องหน้า ผู้ลงทุนในตราสารหนี้หลายรายกำลังใช้มาตรการเฝ้าระวังที่เข้มงวดมากขึ้น พวกเขากำลังประเมินความเสี่ยงของตราสารหนี้และพยายามสร้างพอร์ตการลงทุนที่แข็งแกร่งขึ้น ผู้ลงทุนต้องการกระจายการถือครองตราสาร ลดความเสี่ยงของตราสารหนี้โดยรวม และขยายพอร์ตตราสารหนี้ให้ครอบคลุมตลาดใหม่ๆ และกลุ่มตราสารหนี้ประเภทอื่น

โชคยังดีที่เอเชียมีปัจจัยพื้นฐานด้านการเติบโตในระยะยาวที่ยังน่าสนใจ และผู้ลงทุนตราสารหนี้ก็เต็มใจที่จะลงทุนในตราสารหนี้เอเชียมากขึ้นด้วย มาตรการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ส่งผลฉุดอัตราเงินเฟ้อให้ลดต่ำลงทั่วทั้งภูมิภาค ด้วยเหตุนี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงมีโอกาสเป็นไปได้น้อย นอกจากนี้ ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าเอเชียเป็นภูมิภาคที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในโลกในปี 2022 และ 2023 แม้จะปรากฏถึงภาวะการชะลอตัวในปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียยังให้ผลตอบแทนที่น่าดึงดูดโดยเปรียบเทียบและมีฐานที่มั่นคงเมื่อเทียบกับตราสารหนี้ที่มีอันดับใกล้เคียงกันในตลาดพัฒนาแล้ว ซึ่งด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน ตลาดตราสารหนี้เอเชียจะยังได้รับประโยชน์ต่อไป

เกำลังมองหาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเพื่อเป็นแนวทางสำหรับพอร์ตการลงทุนของคุณอยู่หรือไม่? อ่านบทความของเรา “Macro concerns weigh on bond investors”