รัฐบาลสหรัฐฯออกมาตรการเข้าช่วยผู้ฝากเงินใน Silicon Valley Bank ..เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ฝากเงิน

Our Key Takeaways

  • จากเหตุการณ์ปิด SVB เป็นการบริหารสภาพคล่องที่ผิดพลาดเฉพาะตัวของบริษัท
  • ผลกระทบ จะไม่นำไปสู่ Domino Effect เหมือนที่เกิดขึ้นในปี 2008
  • ท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯได้เข้าดูแลความเชื่อมั่นและช่วยเหลือในทันที โดยการอนุมัติตั้ง Bank Term Funding Program
  • ส่งผลให้ผู้ฝากเงินทั้งหมดสามารถ “ถอนเงินตัวเองได้เต็มจำนวน” ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม
  • จับตาการประชุม FOMC ในสันที่ 22 มีนาคม ซึ่งอาจเห็นการลดโทน Hawkish ของ Fed

รัฐบาลสหรัฐฯออกมาตรการเข้าช่วยเหลือผู้ฝากเงิน “ทั้งหมด เต็มจำนวน”

จากความวิตกของการปิด SVB ธนาคารใหญ่อันดับ 16 ของสหรัฐฯ ซึ่งล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และสถาบันคุ้มครองเงินฝาก(FDIC) ได้เรียกประชุมผู้บริหารธนาคาร และมีการอนุมัติการตั้งเงินกองทุนพิเศษสำรอง Bank Term Funding Program เพื่อให้ผู้ฝากเงินกับธนาคาร SVB และ Signature Bank ที่ถูกปิดไป ให้สามารถเข้าถึงและถอนเงินของตนได้ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม ได้ทั้งหมด

ล่าสุดกระทรวงการคลังสหรัฐฯ, Federal Reserve และ Federal Deposit Insurance Corp. ร่วมกันแถลงถึงมาตรการเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในระบบธนาคาร และเสริมสร้างสภาพคล่องให้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ

โดยทางด้าน Janet Yellen รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกล่าวว่า การกระทำดังกล่าวต้องการจะปกป้อง “ผู้ฝากเงินทั้งหมด” ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณช่วยเหลือผู้ที่มีบัญชีเงินฝาก โดยผู้ฝากเงินของ SVB จะสามารถเข้าถึงเงินทั้งหมดของพวกเขาได้ ทั้งนี้ยังได้เสริมอีกว่า ผู้เสียภาษีจะต้องไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใดๆที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาของ SVB รวมถึงธนาคารอื่นที่อาจเป็นเช่นเดียวกัน รัฐบาลระบุในแถลงการณ์

เกิดอะไรขึ้นกับ Silicon Valley Bank?

Silicon Valley Bank (SVB) เป็นธนาคารใหญ่อันดับ 16 ของสหรัฐฯ ที่วางตำแหน่งตัวเองเป็นธนาคารเพื่อบริษัทเทคโนโลยี Start-Up และ Venture Capital ออกมาประกาศกับนักลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าธนาคารจำเป็นต้องขายพันธบัตรออกไปในราคาขาดทุนรวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ และจำเป็นต้องขายหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรักษาสภาพคล่อง จึงทำให้หุ้นร่วงลงกว่า 60% ในทันทีพร้อมกับที่คนฝากเงินแห่กันถอนเงินออกจากความกังวลว่าธนาคารกำลังมีปัญหา อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้เข้าควบคุมกิจการในวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังธนาคารมีแนวโน้มเกิด Bank Run อย่างรุนแรง

ต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น

ปัญหาของ SVB เกิดจากการบริหารสภาพคล่องเป็นหลัก ในกรณีของธนาคารทั่วไปจะดำเนินธุรกิจด้วยการรับเงินฝากและปล่อยกู้ในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ให้ธุรกิจสินเชื่อประเภทต่างๆเช่น สินเชื่อบุลคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย รวมทั้งยังมีเครื่องมือลงทุนอีกมากมายสำหรับเงินสดส่วนเกิน แต่ในส่วนของ SVB ยึดมั่นว่าตัวเองเป็นธนาคารเพื่อ Start-Up ทำให้มีฐานลูกค้าที่น้อยกว่า ในช่วงที่ผ่านมาอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ลูกค้า Start-Up ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาในการเพิ่มทุน ซึ่งทำให้ SVB ได้รับเงินฝากจากลูกค้ากลุ่มนี้จำนวนมาก จึงจำเป็นต้องนำเงินฝากส่วนที่เหลือไปลงทุนซื้อพันธบัตรและหุ้นกู้ระยะยาวเพื่อให้ได้ผลตอบแทนเพียงพอต่อการจ่ายดอกเบี้ยเงินฝาก

silicon-valley-bank-graph-1

ปัญหาที่ตามมาคือเมื่อดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นอย่างรุนแรงในปี 2022 ที่ผ่านมา ราคาพันธบัตรระยะยาวที่ธนาคารถือปรับตัวลงอย่างรุนแรง ขณะที่ลูกค้าของ SVB ซึ่งเริ่มระดมทุนได้ยากขึ้นและทยอยถอนเงินไปพยุงกิจการ ทำให้ SVB ถูกบังคับขายพันธบัตรในราคาขาดทุนเพื่อนำเงินมาจ่ายคืนผู้ฝากและรักษาสภาพคล่องไว้ ซึ่งแท้จริงแล้วหากถือพันธบัตรได้จนครบอายุ SVB ก็จะได้เงินคืนครบเต็มจำนวน อีกทั้งธนาคารยังไม่พบการผิดนัดชำระหนี้จากการปล่อยสินเชื่อของ SVB เองและถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่มีหนี้เสีย (NPLs) อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ

silicon-valley-bank-graph-2
silicon-valley-bank-graph-3

ปัญหานี้จะลุกลามเหมือนช่วง Financial Crisis หรือไม่?

นักลงทุนในตลาดต่างตื่นตระหนกว่าเหตุการณ์ดังกล่าวอาจลุกลามไปเป็นเหมือนวิกฤต Lehman Brothers ในปี 2008 แต่หากพิจารณาการดำเนินธุรกิจแล้ว SVB ถือเป็นธนาคารที่ระมัดระวังการลงทุนค่อนข้างมาก โดยสินทรัพย์ที่นำเงินฝากไปลงทุนส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตราสารหนี้ พันธบัตร และตราสารที่มีสินทรัพย์ค่ำประกัน (mortgage-backed securities) ซึ่งแตกต่างจาก Lehman Brothers ที่นำเงินไปปล่อยกู้ให้กับสินเชื่อบ้านคุณภาพต่ำ (Subprime Mortgage) เกินตัว จนนำมาสู่การล้มละลายจากปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ไม่ดี ซึ่งล่าสุด จากการที่ทางการออกมาตรการเข้าช่วยเหลือทันที อาจเรียกได้ว่าเหตุการณ์นี้ได้ปิดประตูผลกระทบที่จะเป็น Domino Effect ไปแล้วทันที

silicon-valley-bank-graph-4

มุมมองการลงทุน

เรามองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการบริหารสภาพคล่องที่ผิดพลาดเฉพาะตัวของบริษัท และจะไม่นำไปสู่ Domino Effect เหมือนที่เกิดขึ้นในปี 2008 ประกอบกับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯที่พร้อมเข้าดูแลความเชื่อมั่นในทันที ทั้งนี้ปัจจัยดังกล่าวอาจสร้างความกังวลให้กับตลาดหุ้นได้บ้างในระยะสั้นได้บ้าง แต่มองเป็นโอกาสเข้าลงทุนในระยะยาว

รวมถึงรอดูท่าที่ของ Fed ว่าจะมีการดำเนินนโยบายอย่างไรในการประชุมวันที่ 22 มีนาคมนี้ ซึ่งล่าสุดทั้ง Bond Yield 2 ปี และ Terminal Rates ต่างปรับลดลงซึ่งสะท้อนการลดความ Hawkish ลงของ Fed ในช่วงเวลานี้ ซึ่งอาจช่วยลดความตึงเครียดและความวิตกของนักลงทุนจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้

คำเตือน

  • ข้อมูล คำแนะนำบทวิเคราะห์ และการแสดงความเห็นต่างๆ ที่ปรากฎอยู่ในเอกสารฉบับนี้ ได้จัดทำขึ้นบนพื้นฐานของแหล่งข้อมูลที่ได้รับมาจาก แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้และให้ความเห็นตามหลักวิชาการเท่านั้นโดยไม่มุ่งหมายให้ถือเป็นการชักชวนหรือชี้นำให้ซื้อ และ/หรือขายผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนประเภทต่างๆ ตามที่ปรากฎในเอกสารฉบับนี้ และไม่ถือเป็นการให้คำปรึกษาหรือคำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนของบริษัทต่างๆ ตามที่ระบุหรือถูกกล่าวถึงไว้ในเอกสารฉบับนี้แต่อย่างใด ทั้งนี้ทีมงานไม่อาจยืนยันและรับรองความครบถ้วนสมบูรณ์หรือถูกต้องของข้อมูลดังกล่าวข้างต้นได้ และไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม ทีมงานไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายในรายได้ หรือประโยชน์ใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เกิดขึ้นจากการนำ ข้อมูล ข้อความ ความเห็น และ/หรือบทสรุปต่างๆ ที่ปรากฏในเอกสารฉบับนี้ไปใช้ไม่ว่ากรณีใดๆ
  • ความคิดเห็นใดๆ ในเอกสารฉบับนี้ เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของทีมผู้เขียน มิได้เป็นความคิดเห็นอย่างเป็นทางการของ บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) ดังนั้น บลจ.อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จึงไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น ทั้งนี้เอกสารควรใช้คู่กับหนังสือชี้ชวน
  • การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงในการลงทุน ผู้ถือหน่วยลงทุนอาจได้รับเงินลงทุนมากกว่าหรือน้อยกว่าการลงทุนเริ่มแรกก็ได้ และอาจไม่ได้รับชำระเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุนภายในระยะเวลาที่กำหนดหรืออาจไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ตามที่มีคำสั่งไว้
  • แม้ว่ากองทุนรวมตลาดเงินลงทุนได้เฉพาะทรัพย์สินที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่มีโอกาสขาดทุนได้ การลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมตลาดเงินไม่ใช่การฝากเงิน และมีความเสี่ยงจากการลงทุนซึ่งผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวน
This document is produced by Eastspring Investments (Singapore) Limited and issued in:

Singapore and Australia (for wholesale clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore, is exempt from the requirement to hold an Australian financial services licence and is licensed and regulated by the Monetary Authority of Singapore under Singapore laws which differ from Australian laws.


Hong Kong by Eastspring Investments (Hong Kong) Limited and has not been reviewed by the Securities and Futures Commission of Hong Kong.


This document is produced by Eastspring Investments (Singapore) Limited and issued in Thailand by TMB Asset Management Co., Ltd.


Indonesia by PT Eastspring Investments Indonesia, an investment manager that is licensed, registered and supervised by the Indonesia Financial Services Authority (OJK).


Malaysia by Eastspring Investments Berhad (531241-U).


United States of America (for institutional clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore and is registered with the U.S Securities and Exchange Commission as a registered investment adviser.


European Economic Area (for professional clients only) and Switzerland (for qualified investors only) by Eastspring Investments (Luxembourg) S.A., 26, Boulevard Royal, 2449 Luxembourg, Grand-Duchy of Luxembourg, registered with the Registre de Commerce et des Sociétés (Luxembourg), Register No B 173737.


United Kingdom (for professional clients only) by Eastspring Investments (Luxembourg) S.A. - UK Branch, 125 Old Broad Street, London EC2N 1AR.


Chile (for institutional clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore and is licensed and regulated by the Monetary Authority of Singapore under Singapore laws which differ from Chilean laws.


The afore-mentioned entities are hereinafter collectively referred to as Eastspring Investments.


The views and opinions contained herein are those of the author on this page, and may not necessarily represent views expressed or reflected in other Eastspring Investments’ communications. This document is solely for information purposes and does not have any regard to the specific investment objective, financial situation and/or particular needs of any specific persons who may receive this document. This document is not intended as an offer, a solicitation of offer or a recommendation, to deal in shares of securities or any financial instruments. It may not be published, circulated, reproduced or distributed without the prior written consent of Eastspring Investments. Reliance upon information in this posting is at the sole discretion of the reader. Please consult your own professional adviser before investing.

 

Investment involves risk. Past performance and the predictions, projections, or forecasts on the economy, securities markets or the economic trends of the markets are not necessarily indicative of the future or likely performance of Eastspring Investments or any of the funds managed by Eastspring Investments.


Information herein is believed to be reliable at time of publication. Data from third party sources may have been used in the preparation of this material and Eastspring Investments has not independently verified, validated or audited such data. Where lawfully permitted, Eastspring Investments does not warrant its completeness or accuracy and is not responsible for error of facts or opinion nor shall be liable for damages arising out of any person’s reliance upon this information. Any opinion or estimate contained in this document may subject to change without notice.


Eastspring Investments (excluding JV companies) companies are ultimately wholly-owned/indirect subsidiaries/associate of Prudential plc of the United Kingdom. Eastspring Investments companies (including JV’s) and Prudential plc are not affiliated in any manner with Prudential Financial, Inc., a company whose principal place of business is in the United States of America.