กลุ่มเฮลท์แคร์ของเอเชีย: พร้อมมุ่งสู่การเติบโต

ระบบการดูแลสุขภาพทั่วโลกเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในการรับมือกับ Covid-19 การแพร่ระบาดไปทั่วโลกทำให้เกิดช่องว่างด้านความพร้อม และขีดความสามารถที่เกี่ยวกับสุขภาพ ที่จะเป็นจุดเปลี่ยนและสร้างแรงกระตุ้นให้ค่าใช้จ่ายโครงสร้างพื้นฐานด้านเฮลท์แคร์ และต้นทุนในการทำวิจัยและพัฒนาปรับเพิ่มสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ก็ได้เปิดโอกาสสำหรับการลงทุนที่น่าสนใจเมื่อเทคโนโลยีนำมาสู่การเกิดขึ้นเป็น healthtech ยุคใหม่

ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการแพร่ระบาดของไวรัส การจัดการกับภาวะการระบาดในแต่ละประเทศมีระดับความสำเร็จที่แตกต่างกัน บางประเทศในเอเชียมีประสบการณ์ มีบทเรียน และการลงทุนด้านการดูแลสุขภาพที่เกิดขึ้นในยุคหลังการระบาดของโรคซาร์สเมื่อปี 2003 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นในการรับมือที่ดี แต่สำหรับประเทศอื่นๆ นั้น ความพยายามในการต่อสู้กับไวรัสด้วยความยากลำบากได้เป็นการตอกย้ำถึงความขาดแคลนงบประมาณด้านการดูแลสุขภาพมาเป็นเวลานานหลายปี

การแพร่ระบาดไปทั่วโลกของ Covid-19 ยังนำมาสู่หลายประเด็นนับตั้งแต่เรื่องสำคัญของการมีอุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ที่เพียงพอ การวิจัยและพัฒนาวัคซีน จนถึงเรื่องของเทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกและเกิดประสิทธิภาพในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส การเรียนรู้เหล่านี้ส่งผลต่อระดับการพึ่งพาของซัพพลายเชน การใช้จ่ายด้านการวิจัย และการก้าวสู่ยุคแห่งดิจิทัลของกลุ่มเฮลท์แคร์

ต้นทุนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดใหญ่ครั้งนี้มูลค่ามหาศาล การรับมือทำให้ประเทศต่างๆ ต่างเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญเพื่อยกระดับการเตรียมความพร้อมให้มากยิ่งขึ้นหากวิกฤติเกิดขึ้นอีกในอนาคต ในความเป็นจริง แนวโน้มการดูแลสุขภาพนับวันจะสูงขึ้น เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและสังคมผู้สูงอายุ การเพิ่มขึ้นของโรคเรื้อรัง การเอาใจใส่ในเรื่องสุขภาพที่มากกว่าเดิม และความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้น

แรงกระตุ้นเหล่านี้เห็นได้อย่างชัดเจนในเอเชีย ซึ่งมีประชากรอยู่อาศัยในสัดส่วนถึง 60% ของโลก และในอีก 10 ปีข้างหน้า (ภายในปี 2030) ภูมิภาคนี้จะมีจำนวนประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปในสัดส่วนสูงถึง 60% อีกด้วย ค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพในเอเชียนั้นคาดว่าจะมีเม็ดเงินสูงเกิน 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 20241 ซึ่งหลักๆ คาดว่าจะมาจากโรงพยาบาล การดูแลที่บ้าน (home care) ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) อุปกรณ์การแพทย์ และการวิจัยยา

ความได้เปรียบด้านการแข่งขันของเอเชีย

ปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์นั้น แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ก็คือ

- บริการด้านการดูแลสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวก (โรงพยาบาล โรงพยาบาลชุมชน บริการดูแล)
- ผู้ผลิตยา (ยาและเทคโนโลยีชีวภาพ)
- ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องมือ และครุภัณฑ์สำหรับโรงพยาบาล
- ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องด้านการแพทย์

โดยเอเชียนั้นถือเป็นผู้เล่นรายสำคัญระดับโลกในบางเซ็กเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่มเติมจากสถานการณ์วิกฤติสุขภาพในปัจจุบัน

จากรายงานของทีมวิจัย Eastspring ประจำสำนักงานเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าจีนมีส่วนช่วยสำคัญสำหรับการฟื้นตัวของห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ทั่วโลก ซึ่งความแข็งแกร่งด้านกำลังการผลิตของจีนได้รับการยอมรับไม่เพียงแต่เรื่องภาคการผลิตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในภาคบริการด้วย เช่น บริการจัดทำโครงการวิจัยตามสัญญา (contract research)

ประเทศจีนเป็นผู้เล่นรายสำคัญสำหรับการผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (active pharmaceutical ingredients (APIs) ในระดับ low-end APIs ในขณะที่ high-end APIs นั้นส่วนใหญ่ผลิตในยุโรป สหรัฐอเมริกา และอินเดีย อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามีการย้ายการผลิต high-end APIs ไปยังประเทศจีน ซึ่งหลังจากการระบาดของ Covid-19ได้เป็นตัวเร่งให้ ยอดคำสั่งซื้อ high-end APIs มีจำนวนเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นการช่วยยกระดับการผลิต

ในขณะเดียวกัน การวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ของจีนด้านวัคซีนและยาที่เป็นนวัตกรรมได้รับแรงหนุนอย่างมากเป็นประวัติการณ์ในระหว่างที่เกิดการระบาดของ coronavirus ปัจจุบันประเทศจีนอยู่ในฐานะผู้นำในการระดมวิจัยทางคลินิกของวัคซีน Covid-19 และยิ่งไปกว่านั้น ผลจากการควบคุมค่าธรรมเนียมที่เข้มงวดมากขึ้นภายหลังการแพร่ระบาด ทำให้เราคาดว่าจะได้เห็นความก้าวหน้าเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมและวงจรการผลิตเพื่อทดแทนในอุตสาหกรรมยาที่มีรวดเร็วมากขึ้น นวัตกรรมในอุตสาหกรรมยา ที่พัฒนาก้าวกระโดด เป็นส่วนช่วยหนุนความมั่นใจของทีมงานของเราในส่วนนี้ ด้านมุมมองของ Lilian See หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ Eastspring ในมาเลเซีย ให้ข้อมูลว่ามาเลเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตถุงมือทางการแพทย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ทั้งรุ่นไนไตรและลาเท็กซ์) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลก 65% ในยุคหลังจากการระบาดของ Covid-19 ประเทศอื่นๆ อาจเร่งขยายกำลังการผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาจากต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตถุงมือของมาเลเซียยังคงเป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยีด้วยสายการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ประกอบกับสินค้าประเภทถุงมือ ทุกวันนี้กลายเป็นสินค้าจำเป็น ที่ราคาถูก หรือแพง ไม่ได้มีผลกระทบต่อกำลังซื้อ นอกจากนี้ มาเลเซียยังมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย มีความสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์ในอุตสาหกรรมนี้ ทั้งเซมิคอนดักเตอร์ การปั๊มขึ้นรูปโลหะ และอุตสาหกรรมพลาสติก ทำให้ประเทศขึ้นเป็นศูนย์กลางการจัดซื้อที่สมบูรณ์แบบสำหรับชิ้นส่วนและส่วนประกอบที่ใช้ในการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ อย่างเช่นสายสวน กระบอกฉีดยา เข็ม และอุปกรณ์เอ็กซเรย์

ประเทศอื่นๆ ก็ฉายแววศักยภาพในด้านการผลิตด้วยเช่นกัน Nelson Yeh จากทีมตลาดหุ้นและวิจัยของ Eastspring ในไต้หวัน กล่าวว่า ผู้ผลิตแมสก์ของไต้หวันได้เร่งการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แนวโน้มนี้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่บรรดาแบรนด์ระดับโลกต่างต้องการกระจายแหล่งผลิตของพวกเขาและลดการพึ่งพาที่กระจุกตัวในแหล่งเดียว ผู้ผลิต API ของไต้หวันจึงอาจได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการกระจายความเสี่ยงนี้ด้วยเช่นกัน

วิกฤติ Covid-19 ช่วยกระตุ้นการลงทุน

จากข้อมูลของ Eastspring ในอินโดนีเซีย ประเทศที่ยังคงต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับของเตียงผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ โครงสร้างพื้นฐานของโรงพยาบาลดังกล่าวที่ขาดแคลน จะยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญในอนาคต บริษัทจดทะเบียนบางแห่งของอินโดนีเซียได้วางแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิต API เพื่อให้การนำเข้า API ของประเทศลดลงเหลือ 65% ในปี 2023 จาก 90% ในปัจจุบัน

ในทำนองเดียวกัน การเร่งเดินหน้าผลิตวัคซีนและยารักษาผู้ป่วย Covid-19 ถือเป็นผลบวกต่ออุตสาหกรรมยา เช่นเดียวกับการลงทุนที่มากขึ้นเพื่อการป้องกันการระบาดใหญ่ ผู้ผลิตยาสามัญยังจะได้รับประโยชน์ โดยบริษัทผลิตยาของอินเดียบางแห่งกำลังได้รับอานิสงส์จากความพยายามในการรักษาผู้ป่วย Covid-19 ทั่วโลก ยกตัวอย่างจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกาได้เร่งขั้นตอนการอนุมัติยาสามัญที่ใช้ช่วยในเรื่องการหายใจเพื่อบรรเทาอาการหืดหอบซึ่งเกิดจาก Covid-192

โอกาสในการลงทุนนั้นไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในกลุ่มการดูแลสุขภาพเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตยางจะได้รับประโยชน์จากความต้องการถุงมือที่สูงขึ้น และยังมีทำให้ความต้องการเหล็ก ที่เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้มากสำหรับการผลิตชิ้นส่วนของเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เพิ่มขึ้นด้วย เช่น อุปกรณ์การแพทย์ที่เป็นโลหะขึ้นรูป ผลิตภัณฑ์ประเภทสาย และใบมีด ในทำนองเดียวกัน พลาสติกเองก็เป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับเวชภัณฑ์และส่วนประกอบต่างๆ ในอุปกรณ์การแพทย์

และอีกรูปแบบของการลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และน่าจับตา ก็คือ ดิจิทัลเฮลท์แคร์ ที่ถูกพิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีนั้นได้ถูกนำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับ Covid-19 ได้อย่างไร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในด้านการดูแลสุขภาพ นำไปสู่ระบบเฮลท์แคร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพอีกด้วย และอีกรูปแบบของการลงทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และน่าจับตา ก็คือ ดิจิทัลเฮลท์แคร์ ที่พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีนั้นได้ถูกนำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับ Covid-19 ได้อย่างไร การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในด้านการดูแลสุขภาพ จะสามารถ นำไปสู่ระบบเฮลท์แคร์ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพอีกด้วย

Healthtech มาเปลี่ยน การดูแลสุขภาพของเอเชีย

จากรายงานที่จัดทำโดย International Data Corporation แสดงให้เห็นว่า การใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการดูแลสุขภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 12.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2019 มาอยู่ที่ 14.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตแบบทบต้นเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 7% นำโดยซอฟต์แวร์และบริการด้านไอที3โดยจีนมียอดการใช้จ่ายสูงสุด ตามมาด้วยสิงคโปร์และออสเตรเลีย

คุณค่าที่เกิดจากเทคโนโลยี นั้นพิสูจน์อย่างเห็นได้ชัดในอุตสาหกรรมนี้ ยกตัวอย่างเช่นโรงพยาบาลที่ใช้โดรนนำจ่ายยาเพื่อให้พยาบาลสามารถใช้เวลาในการดูแลผู้ป่วยได้มากขึ้น การบันทึกเวชระเบียนแบบดิจิทัลก็สามารถช่วยลดภาระงานด้านธุรการและเพิ่มผลผลิตโดยรวม

อีกหนึ่งโอกาสที่กำลังได้รับความสนใจก็คือ medical wearables หรืออุปกรณ์ดูแลสุขภาพอัจฉริยะแบบสวมใส่ ที่สามารถดูแลสุขภาพผู้คนในชีวิตประจำวัน ทุกวันนี้โรคประจำตัวที่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น (เช่นโรคเบาหวาน) ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้มีความจำเป็นในการตรวจสอบสุขภาพเป็นประจำ ข้อมูลทางคลินิกที่ติดตามโดยอุปกรณ์เหล่านี้ได้ช่วยให้ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยและดำเนินการได้ภายในระยะเวลาที่เหมาะสม ตลาดอุปกรณ์การแพทย์ และดูแลสุขภาพอัจฉริยะแบบสวมใส่ของเอเชียแปซิฟิกนั้นคาดว่าจะมีการเติบโตสูงที่สุดในบรรดาภูมิภาคต่างๆ ระหว่างปี 2020-20304

แพลตฟอร์มการแพทย์ออนไลน์ ยังเป็นอีกธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตเร่งตัวขึ้นนับตั้งแต่เกิดวิกฤติ Covid-19 ดังแสดงในรูปที่ 1 ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการแพทย์ทางไกลหรือ Telemedicine นั้นเกิดจากปัจจัยหลายประการ ประการแรกคือการช่วยให้แพทย์สามารถรักษาผู้ป่วยได้จากระยะไกล เช่น การให้การรักษาในพื้นที่ที่อยู่ห่างไกล ส่วนประการที่สองคือการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยโดยเฉพาะในช่วงที่มีการปิดเมืองจาก Covid-19 และประการที่สามคือการใช้ทรัพยากรอย่างเหมาะสมและลดข้อจำกัดในระบบการดูแลสุขภาพในช่วงที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมาก

รูปที่ 1: การแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ได้รับความนิยมมากขึ้นในเอเชียแปซิฟิก

asian-healthcare-poised-for-growth-Fig1

การเปิดตัวของเครือข่าย 5G ออกสู่ตลาด ถือเป็นแรงสนับสนุนการดูแลสุขภาพดิจิทัลนับจากนี้ การดูแลสุขภาพในอนาคตจะไม่ใช่เพียงแต่การมุ่งเน้นไปที่เรื่องของความสะดวกสบายและความสามารถในการจ่ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรูปแบบการดูแลที่มีความสามารถในการคาดการณ์และป้องกันได้อีกด้วย โดยในขณะนี้ประเทศอินเดีย จีน และสิงคโปร์ได้ผงาดขึ้นมาเป็นศูนย์กลางด้าน healthtech5ที่สำคัญแล้ว

Healthtench ยุคใหม่มองไกลสู่อนาคต

ด้วยขนาดและการเติบโตของตลาดเฮลท์แคร์ในเอเชียและพลังทางเทคโนโลยีที่ได้พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรม มีแนวโน้มว่ายักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหลายรายน่าจะต้องการเข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนและ/หรือลงทุนในบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ ดังแสดงในรูปที่ 2 Apple, Amazon และ Google ทุกรายเริ่มรุกเข้าไปยังตลาดเฮลท์แคร์ โดยบริษัทที่สามารถนำเสนอโซลูชั่นทางการแพทย์แบบครบวงจรเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในแต่ละรายก็จะมีแนวโน้มที่จะยึดครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น

รูปที่ 2 : ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีรุกเพิ่มบทบาทในกลุ่มเฮลท์แคร์

asian-healthcare-poised-for-growth-fig2

ความก้าวหน้าด้าน telehealth นั้นจะต้องเกิดขึ้นควบคู่กับมาตรการกำกับดูแลที่แข็งแกร่ง มีความต่อเนื่อง และดำเนินการในเชิงรุกเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ป่วย โดยความน่าเชื่อถือและพลังของการสร้างพันธมิตรใหม่ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการปกป้องข้อมูลที่พวกเขามีอยู่ในมือ นอกจากนี้ การจัดการกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ จะกลายเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญด้วยโซลูชั่นที่ตอบโจทย์

ความรับผิดทางการแพทย์ (Medical liability) เป็นประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน แม้จะมีทรัพยากรและความรู้ด้านเทคนิคในการสร้างเครื่องมือด้านการดูแลสุขภาพ แต่ยังเกิดคำถามที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่จะยินดียอมรับข้อผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้นหากอุปกรณ์ในการคาดการณ์ของพวกเขาเกิดทำงานผิดปกติและคลาดเคลื่อน ส่งผลให้คำแนะนำที่ผิดหรือไม่? ซึ่งกรอบการทำงานที่ชัดเจนในการจัดการกับประเด็นเหล่านี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น

การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับการดูแลสุขภาพ เป็นการช่วยยกระดับคุณภาพและมาตรฐานของกลุ่มเฮลท์แคร์อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ด้วยความแตกต่างกันของแต่ลประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท Healthtech ที่จะประสบความสำเร็จ จะต้องนำเสนอเทคโนโลยีที่แตกต่าง สร้างโซลูชั่นที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ และครบวงจรเพื่อสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ทั่วทั้งตลาด

Sources:
1 Quadria Capital : Shaping Asia’s healthcare for tomorrow, Sep 2018
2 https://www.cnbctv18.com/market/covid-19-side-effect-key-indian-pharma-shares-hit-52-week-highs-5680001.htm
3 Healthcare IT spending forecast and trends by IDC – May 2019
4 https://www.globenewswire.com/news-release/2020/04/13/2014947/0/en/Wearable-Medical-Devices-Market-to-Generate-67-2-Billion-Revenue-by-2030-P-S-Intelligence.html
5 Asia HealthTech Investment Landscape 2018 Report, Galen Growth Asia, January 2019

This document is produced by Eastspring Investments (Singapore) Limited and issued in:

Singapore and Australia (for wholesale clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore, is exempt from the requirement to hold an Australian financial services licence and is licensed and regulated by the Monetary Authority of Singapore under Singapore laws which differ from Australian laws.


Hong Kong by Eastspring Investments (Hong Kong) Limited and has not been reviewed by the Securities and Futures Commission of Hong Kong.


This document is produced by Eastspring Investments (Singapore) Limited and issued in Thailand by TMB Asset Management Co., Ltd.


Indonesia by PT Eastspring Investments Indonesia, an investment manager that is licensed, registered and supervised by the Indonesia Financial Services Authority (OJK).


Malaysia by Eastspring Investments Berhad (531241-U).


United States of America (for institutional clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore and is registered with the U.S Securities and Exchange Commission as a registered investment adviser.


European Economic Area (for professional clients only) and Switzerland (for qualified investors only) by Eastspring Investments (Luxembourg) S.A., 26, Boulevard Royal, 2449 Luxembourg, Grand-Duchy of Luxembourg, registered with the Registre de Commerce et des Sociétés (Luxembourg), Register No B 173737.


United Kingdom (for professional clients only) by Eastspring Investments (Luxembourg) S.A. - UK Branch, 125 Old Broad Street, London EC2N 1AR.


Chile (for institutional clients only) by Eastspring Investments (Singapore) Limited (UEN: 199407631H), which is incorporated in Singapore and is licensed and regulated by the Monetary Authority of Singapore under Singapore laws which differ from Chilean laws.


The afore-mentioned entities are hereinafter collectively referred to as Eastspring Investments.


The views and opinions contained herein are those of the author on this page, and may not necessarily represent views expressed or reflected in other Eastspring Investments’ communications. This document is solely for information purposes and does not have any regard to the specific investment objective, financial situation and/or particular needs of any specific persons who may receive this document. This document is not intended as an offer, a solicitation of offer or a recommendation, to deal in shares of securities or any financial instruments. It may not be published, circulated, reproduced or distributed without the prior written consent of Eastspring Investments. Reliance upon information in this posting is at the sole discretion of the reader. Please consult your own professional adviser before investing.

 

Investment involves risk. Past performance and the predictions, projections, or forecasts on the economy, securities markets or the economic trends of the markets are not necessarily indicative of the future or likely performance of Eastspring Investments or any of the funds managed by Eastspring Investments.


Information herein is believed to be reliable at time of publication. Data from third party sources may have been used in the preparation of this material and Eastspring Investments has not independently verified, validated or audited such data. Where lawfully permitted, Eastspring Investments does not warrant its completeness or accuracy and is not responsible for error of facts or opinion nor shall be liable for damages arising out of any person’s reliance upon this information. Any opinion or estimate contained in this document may subject to change without notice.


Eastspring Investments (excluding JV companies) companies are ultimately wholly-owned/indirect subsidiaries/associate of Prudential plc of the United Kingdom. Eastspring Investments companies (including JV’s) and Prudential plc are not affiliated in any manner with Prudential Financial, Inc., a company whose principal place of business is in the United States of America.